ทรัมป์กำลังทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตกต่ำโดยตั้งใจหรือไม่? 

2025-05-29 | ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ , เศรษฐกิจสหรัฐฯ , เศรษฐกิจโลก

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจทางการเงินระดับโลก อาจกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่มูลค่าของมันถูกลดทอนอย่างมีกลยุทธ์จากภายใน 

และคนที่อยู่ศูนย์กลางของเรื่องนี้ก็คือ? โดนัลด์ ทรัมป์ 

ในขณะที่ทรัมป์เดินหน้าวางแผนสำหรับอีกสี่ปีข้างหน้า มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าเขาอาจกำลังกดดันธนาคารกลางสหรัฐให้ลดค่าเงินดอลลาร์อย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่ในเชิงเศรษฐกิจ แต่เป็นอาวุธทางการเมืองด้วย 

ดังนั้น ทรัมป์กำลังทำให้ดอลลาร์สหรัฐร่วงโดยตั้งใจจริงหรือไม่? มาดูหลักฐานกัน 

การลดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลงประมาณ 25–30% ภายในสองสามปีข้างหน้า อาจฟังดูรุนแรง แต่ก็อาจเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการโดยตรง 

เหตุผลมีดังนี้: 

  • การขาดดุลการค้าลดลง: ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงจะทำให้สินค้าส่งออกของสหรัฐมีราคาถูกลงและแข่งขันได้ดีขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งช่วยลดช่องว่างการค้าและสร้างผลงานให้ทรัมป์ได้ไม่ยาก 
  • ความต้องการพันธบัตรสหรัฐจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น: ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอาจจูงใจให้ธนาคารกลาง เช่น ธนาคารกลางจีนหรืออิรัก เพิ่มการถือครองดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรเพื่อช่วยพยุงค่าเงินของตนเอง 
  • ราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้น: เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง กำลังซื้อจะลดลง ส่งผลให้ราคาหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดดูแข็งแกร่งกว่าความเป็นจริง 
  • ข้อได้เปรียบด้านโซนค่าเงิน: ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงอาจกระตุ้นให้บริษัทข้ามชาติจำนวนมากย้ายการดำเนินงานเข้าสู่สหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

พูดง่ายๆ คือ การทำให้ดอลลาร์อ่อนลงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจในคราวเดียวกัน 

พฤติกรรมของตลาดในปี 2025 สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างน่าสนใจ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับราคาต่ำสุดที่ผ่านมา: 

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น แต่ตลาดหุ้นยังพุ่งต่อเนื่อง 
  • บิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง 
  • ราคาทองคำซื้อขายใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล 
  • ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง 

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่สะท้อนถึงการกำหนดมูลค่าทรัพย์สินใหม่ภายใต้ยุคใหม่ของ “การลดค่าเงิน” 

และยุคนั้นกำลังถูกขับเคลื่อนอย่างเงียบๆ โดยประเทศเศรษฐกิจมหาอำนาจทั่วโลก 

กราฟนี้แสดงให้เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีรูปแบบวัฏจักรซ้ำทุกๆ 10 ปี โดยแต่ละรอบมักจบลงด้วยการกลับตัวอย่างรุนแรง และในวันนี้ DXY กำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของการอ่อนค่าครั้งใหญ่รอบใหม่ 

ผลที่ตามมา? มีโอกาสที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าต่อไป โดยเฉพาะหากนโยบายกดค่าเงินของทรัมป์เริ่มเป็นรูปธรรม และธนาคารกลางสหรัฐฯ ถูกกดดันทางการเมืองให้ลดดอกเบี้ย 

ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้นที่กำลังลดค่าเงินของตนเอง ยูโรโซน จีน และญี่ปุ่น ต่างก็ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน ได้แก่: 

  • การกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 
  • การแทรกแซงค่าเงิน 
  • การอัดฉีดสภาพคล่อง 
  • โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านหนี้ภาครัฐ 

การดำเนินนโยบายร่วมกันเหล่านี้ผลักดันให้ตลาดทั่วโลกเข้าสู่โหมดยอมรับความเสี่ยงอย่างกว้างขวาง หุ้นพุ่งขึ้น ความต้องการพันธบัตรลดลง และสกุลเงินปลอดภัยอ่อนค่า 

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ดอลลาร์กำลังกลายเป็นหมากตัวสำคัญในเกมเศรษฐกิจระดับโลก 

จากกราฟด้านบนจะเห็นได้ว่าดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงอย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่รวมถึงสกุลเงินของประเทศพัฒนาแล้วด้วย 

สารที่ได้จากภาพนี้คือ ตลาดโลกกำลังลดความเสี่ยงจากการถือครองดอลลาร์อย่างเงียบ ๆ เพราะคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะยังคงอ่อนค่าต่อไป 

ผู้ชนะ? ทองคำแบบขาดลอย หากดอลลาร์ยังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง เม็ดเงินลงทุนจำนวนมากอาจไหลเข้าสู่สินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต และสินทรัพย์ที่ไม่อิงดอลลาร์มากยิ่งขึ้น 

ที่ผ่านมา เราได้พูดถึงปัจจัยเชิงมหภาคและมุมมองโดยรวมแล้ว แต่เมื่อมองในเชิงเทคนิคแล้ว ดอลลาร์กำลังส่งสัญญาณอะไร? 

ปรากฏว่าภาพทางเทคนิคก็สอดคล้องกับสิ่งที่เล่าไว้ก่อนหน้า 

ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ขณะนี้กำลังเคลื่อนไหวใกล้ระดับแนวรับระยะยาวสำคัญที่บริเวณ 98 ถึง 99 หากไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับนี้ได้ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วงลงต่อไปที่แนวรับบริเวณ 9 

ในเชิงเทคนิค สิ่งนี้แปลว่ารอบขาขึ้นของดอลลาร์กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะจบลงหากหลุดแนวรับดังกล่าวลงมา ก็อาจเป็นการยืนยันการเข้าสู่แนวโน้มขาลงหลายปี 

และถ้าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับที่ทรัมป์ยังคงกดดันให้ลดดอกเบี้ยล่ะ? ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงเร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้มาก 

ลองดูผลกระทบแบบโดมิโนที่อาจเกิดขึ้น: 

  • หุ้น: กำไรของบริษัทข้ามชาติอาจดูดีขึ้นเมื่อแปลงกลับเป็นดอลลาร์ที่อ่อนค่า ตลาดจะดูแข็งแกร่งกว่าความเป็นจริง 
  • ทองคำ: เมื่อค่าเงินกระดาษอ่อนค่าลง ทองคำจะดูมีเสน่ห์มากขึ้น ดอลลาร์อ่อนอาจเป็นเชื้อเพลิงให้ราคาทองพุ่ง 
  • คริปโต: บิตคอยน์ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ต้านค่าเงินกระดาษ จะได้อานิสงส์จากกระแสการลดค่าเงิน 
  • สินค้าโภคภัณฑ์: ราคาน้ำมันและสินค้าเกษตรอาจปรับขึ้นเมื่อผู้ผลิตทั่วโลกตอบสนองต่อดอลลาร์ที่อ่อนลง 

พูดอีกอย่างคือ ทรัมป์อาจไม่ได้แค่อ่อนค่าดอลลาร์ แต่กำลังเร่งการปรับมูลค่าสินทรัพย์โดยใช้ภาพเศรษฐกิจบูมบังหน้า 

แม้จะยากที่จะพิสูจน์เจตนา แต่สัญญาณที่ปรากฏนั้นชัดเจน: 

  • ทรัมป์กดดันเฟดให้ลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง 
  • วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจของเขาเอื้อต่อดอลลาร์ที่อ่อนค่า 
  • พฤติกรรมของตลาดในปัจจุบันก็สอดคล้องกับทฤษฎีนี้ 

ดังนั้น ทรัมป์กำลังทำลายค่าเงินดอลลาร์โดยตั้งใจหรือเปล่า? 

ถ้าไม่ถึงกับทำลาย ก็ดูเหมือนไม่ได้พยายามจะช่วยมันไว้เช่นกัน 

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มกำไรบริษัท หรือปั่นราคาสินทรัพย์ ทุกอย่างบ่งชี้ว่าเป็นการลดค่าเงินอย่างมีกลยุทธ์ 
 

และตลาดก็ไม่ได้ต่อต้าน แต่ว่ากลับตอบรับมันด้วยซ้ำ 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-05-29 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทรัมป์กำลังทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตกต่ำโดยตั้งใจหรือไม่? 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจทางการเงินระดับโลก อาจกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่มูลค่าของมันถูกลดทอนอย่างมีกลยุทธ์จากภายใน  และคนที่อยู่ศูนย์กลางของเรื่องนี้ก็คือ? โดนัลด์ ทรัมป์  ในขณะที่ทรัมป์เดินหน้าวางแผนสำหรับอีกสี่ปีข้างหน้า มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าเขาอาจกำลังกดดันธนาคารกลางสหรัฐให้ลดค่าเงินดอลลาร์อย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่ในเชิงเศรษฐกิจ แต่เป็นอาวุธทางการเมืองด้วย  ดังนั้น ทรัมป์กำลังทำให้ดอลลาร์สหรัฐร่วงโดยตั้งใจจริงหรือไม่? มาดูหลักฐานกัน  ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ช่วยแก้ปัญหาหลายอย่างให้ทรัมป์ได้  การลดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลงประมาณ 25–30% ภายในสองสามปีข้างหน้า อาจฟังดูรุนแรง แต่ก็อาจเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการโดยตรง  เหตุผลมีดังนี้:  พูดง่ายๆ คือ การทำให้ดอลลาร์อ่อนลงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจในคราวเดียวกัน  ตลาดเริ่มสะท้อนสิ่งนี้แล้วหรือยัง?  พฤติกรรมของตลาดในปี 2025 สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างน่าสนใจ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับราคาต่ำสุดที่ผ่านมา:  สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่สะท้อนถึงการกำหนดมูลค่าทรัพย์สินใหม่ภายใต้ยุคใหม่ของ “การลดค่าเงิน”  และยุคนั้นกำลังถูกขับเคลื่อนอย่างเงียบๆ โดยประเทศเศรษฐกิจมหาอำนาจทั่วโลก  วัฏจักรหลายปีของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ  กราฟนี้แสดงให้เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีรูปแบบวัฏจักรซ้ำทุกๆ 10 ปี โดยแต่ละรอบมักจบลงด้วยการกลับตัวอย่างรุนแรง และในวันนี้ DXY กำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของการอ่อนค่าครั้งใหญ่รอบใหม่  ผลที่ตามมา? มีโอกาสที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าต่อไป โดยเฉพาะหากนโยบายกดค่าเงินของทรัมป์เริ่มเป็นรูปธรรม และธนาคารกลางสหรัฐฯ ถูกกดดันทางการเมืองให้ลดดอกเบี้ย  ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเดินหน้าเต็มสูบ  ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้นที่กำลังลดค่าเงินของตนเอง ยูโรโซน จีน และญี่ปุ่น ต่างก็ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน […]

article-thumbnail

2025-05-23 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

กรณีที่ Bitcoin จะพุ่งแตะ $150K: ทำไม M2 จึงสำคัญในตอนนี้ 

Bitcoin เคยผ่านจุดนี้มาก่อน ทั้งผู้สงสัย การดิ่งลงของราคา และการพุ่งแรงแบบไม่คาดคิดที่ทำให้เสียงวิจารณ์เงียบหายไป แต่ครั้งนี้มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปเบื้องหลังการเคลื่อนไหวครั้งนี้ มันเป็นบางสิ่งที่ใหญ่กว่า ไม่ใช่แค่กระแสหรือการพูดถึง Halving แต่มันคือ “ปริมาณเงินทั่วโลก” และมันอาจกำลังบอกเราว่า Bitcoin กำลังจะไปทางไหนต่อ  สภาพคล่องทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้น และตามสถิติในอดีต เมื่อปริมาณเงินพุ่งขึ้น Bitcoin มักไม่ใช่แค่ขยับตาม แต่พุ่งแรง  ในบทความนี้ เราจะสำรวจว่า M2 กลายเป็นชาร์ตที่สำคัญที่สุดในโลกคริปโตได้อย่างไร ทำไมในอดีต M2 ถึงเคลื่อนไหว “นำ” Bitcoin ล่วงหน้าได้ถึง 12 สัปดาห์? และทำไมช่วงเวลานี้อาจเป็นการเปิดทางให้ BTC พุ่งแตะ $150,000   มาเจาะลึกกันว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และทำไมนักเทรดและนักลงทุนถึงควรจับตาสถานการณ์ในตอนนี้  M2 คืออะไร และทำไมถึงเป็นตัวชี้นำ Bitcoin  M2 คือมาตรวัดปริมาณเงินที่รวมถึงเงินสด เงินฝากกระแสรายวัน และสินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย พูดง่ายๆ คือ เมื่อ M2 เพิ่มขึ้น สภาพคล่องในระบบก็จะเพิ่มขึ้นตาม  ในอดีต Bitcoin มักเคลื่อนไหวตามทิศทางของสภาพคล่องนี้ […]

article-thumbnail

2025-05-15 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

กระทิงกลับมาแล้ว: ตลาดหุ้นพุ่งแรงจากดีลการค้าสหรัฐ-จีน 

บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพิ่งเกิดขึ้น และวอลล์สตรีทกำลังส่งเสียงเฮ  ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้น หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าแบบไม่คาดคิด ข้อตกลงนี้ช่วยยกเลิกภาษีนำเข้า บรรเทาความตึงเครียด และผลักดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับตัวขึ้นแรง ดัชนี S&P 500 กระโดดเกือบ 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน Nasdaq พุ่งยิ่งกว่า ตลาดในเอเชียพุ่งขึ้น และดัชนียุโรปก็ขยับตาม  นี่คือการดีดกลับที่ทำให้ฝั่งหมีต้องกลับมาทบทวนมุมมองทั้งหมดใหม่  แล้วอะไรอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้? นี่คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวแบบ V-shape ที่หลายคนเฝ้ารอใช่หรือไม่? หรือเป็นแค่ความผันผวนชั่วคราวในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่ง?  ดีลการค้าสหรัฐ-จีน จุดประกายการฟื้นตัวรูปแบบ V-Shape  การฟื้นตัวแบบ V-shape ถือเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ของตลาดในช่วงขาลง เพราะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชัดเจน และรุนแรง: ร่วง แล้วพุ่ง ลองนึกถึงช่วงโควิด-19 ในปี 2020 หรือผลกระทบจาก Brexit หรือแม้แต่ปี 1987 ที่ความกลัวพุ่งถึงจุดสูงสุด ก่อนที่ตลาดจะดีดกลับอย่างรุนแรง  แล้วคลื่นการฟื้นตัวรอบนี้ล่ะ? กำลังเริ่มสะท้อนรูปแบบเดิมที่คุ้นเคย  ในประวัติศาสตร์ ดัชนี S&P 500 เคยสร้างการฟื้นตัวรูปแบบ V-shape ได้อย่างน่าทึ่ง ในช่วงวิกฤตโควิดปี […]