กระทิงกลับมาแล้ว: ตลาดหุ้นพุ่งแรงจากดีลการค้าสหรัฐ-จีน 

2025-05-15 | ดีลการค้า , สหรัฐจีน

บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพิ่งเกิดขึ้น และวอลล์สตรีทกำลังส่งเสียงเฮ 

ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้น หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าแบบไม่คาดคิด ข้อตกลงนี้ช่วยยกเลิกภาษีนำเข้า บรรเทาความตึงเครียด และผลักดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับตัวขึ้นแรง ดัชนี S&P 500 กระโดดเกือบ 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน Nasdaq พุ่งยิ่งกว่า ตลาดในเอเชียพุ่งขึ้น และดัชนียุโรปก็ขยับตาม 

นี่คือการดีดกลับที่ทำให้ฝั่งหมีต้องกลับมาทบทวนมุมมองทั้งหมดใหม่ 

แล้วอะไรอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้? นี่คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวแบบ V-shape ที่หลายคนเฝ้ารอใช่หรือไม่? หรือเป็นแค่ความผันผวนชั่วคราวในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่ง? 

การฟื้นตัวแบบ V-shape ถือเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ของตลาดในช่วงขาลง เพราะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชัดเจน และรุนแรง: ร่วง แล้วพุ่ง ลองนึกถึงช่วงโควิด-19 ในปี 2020 หรือผลกระทบจาก Brexit หรือแม้แต่ปี 1987 ที่ความกลัวพุ่งถึงจุดสูงสุด ก่อนที่ตลาดจะดีดกลับอย่างรุนแรง 

แล้วคลื่นการฟื้นตัวรอบนี้ล่ะ? กำลังเริ่มสะท้อนรูปแบบเดิมที่คุ้นเคย 

ในประวัติศาสตร์ ดัชนี S&P 500 เคยสร้างการฟื้นตัวรูปแบบ V-shape ได้อย่างน่าทึ่ง ในช่วงวิกฤตโควิดปี 2020 ดัชนีร่วงลงกว่า 30% ก่อนจะพุ่งกลับขึ้นมา 70% ในเวลารวดเร็ว ในปี 2009 หลังวิกฤตการเงินโลกก็เกิดการฟื้นตัวลักษณะเดียวกันที่พุ่งถึง 65% แม้แต่เหตุการณ์พังหนักในปี 1987 ก็ยังตามมาด้วยการเด้งกลับถึง 57% 

โดยเฉลี่ย การฟื้นตัวแบบ V-shape เหล่านี้ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นถึง 48.3% หลังจากการร่วงแรง ตามกราฟข้อมูลจากประวัติศาสตร์การฟื้นตัวของดัชนี S&P 

และตอนนี้ ด้วยดีลการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตลาดอาจเพิ่งเจอตัวกระตุ้นรอบใหม่ เราได้ผ่านช่วงร่วงไปแล้ว การดีดกลับในสัปดาห์นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวอย่างแท้จริง 

จะเรียกว่าเกมหมากรุก กลยุทธ์ 5 มิติ หรือการแสดงเชิงการเมืองก็แล้วแต่ แต่สไตล์การเจรจาของทรัมป์เพิ่งสร้างชัยชนะที่จับต้องได้  
 
หลังจากสงครามภาษีตอบโต้ยืดเยื้อ คำพูดตึงเครียด และความไม่แน่นอนทั่วโลก สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจก็ได้ตกลงในกรอบความร่วมมือที่ช่วยลดกำแพงทางการค้าหลายรายการ และเปิดโอกาสให้กับภาคเทคโนโลยี การผลิต และการเกษตร 

แม้หลายฝ่ายจะวิจารณ์ว่าแท็กติกของเขาเสี่ยงเกินไป แต่การเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ก็สะท้อนสิ่งที่เขาเคยเขียนไว้ในหนังสือว่า “ดีลที่แท้จริง ชนะตั้งแต่ก่อนเซ็นแล้ว”  

เขาใช้แรงกดดัน ยืนหยัดมั่นคง และตอนนี้ทั้งสองประเทศต่างก็ได้ข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจภายในประเทศของตน ยากที่จะไม่มองว่านี่คือฉากหนึ่งจากตำรา “ศิลปะแห่งการเจรจา” ที่กำลังเล่นสดให้เห็นตรงหน้า 

สำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ข่าวดี แต่มันคือ “เชื้อเพลิง” ที่เติมความมั่นใจให้ตลาด และนี่คือเหตุผล: 

  • ความไม่แน่นอนทั่วโลกลดลง: ความตึงเครียดที่ลดลงระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ช่วยลดความเสี่ยงปลายเปิดในตลาดโลก ซึ่งแปลว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น 
  • หุ้นวัฏจักรแข็งแรงขึ้น: กลุ่มวัสดุ อุตสาหกรรม และพลังงาน ปรับตัวขึ้นตามความหวังว่าเศรษฐกิจและปริมาณการค้าจะกลับมาคึกคัก 
  • ระดับเทคนิคสำคัญถูกทดสอบ: ดัชนี S&P 500 พุ่งทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ ก็มีแนวโน้มที่จะทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ 

แม้หุ้นเทคโนโลยียังคงเป็นจุดสนใจของพาดหัวข่าว แต่อย่ามองข้ามกลุ่มที่เคยล้าหลังในช่วงสงครามการค้า อย่างหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ (ที่พึ่งพาจีนอย่างมาก), หุ้นเครื่องจักรกลหนัก และบริษัทสินค้าผู้บริโภคข้ามชาติ ที่ตอนนี้เริ่มมีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง 

ข้อตกลงการค้านี้เปลี่ยนทิศทางของหุ้นที่อ่อนไหวต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลก หากแนวโน้มยังเดินหน้าต่อ กลุ่มเหล่านี้อาจกลายเป็นผู้นำในรอบขาขึ้นถัดไป 

ดัชนี Fear & Greed ขยับจาก “กลัวอย่างรุนแรง” ไปสู่ “โลภ” ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ กระแสการซื้อขายออปชันกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง แม้แต่นักจัดการกองทุนที่เคยตั้งรับ ก็เริ่มกลับมาหมุนเงินเข้าสู่ตลาดหุ้น 

นี่ไม่ใช่แค่การเคลื่อนไหวของราคา แต่มันคือการพลิกของ “อารมณ์ตลาด” จุดเปลี่ยนทางจิตวิทยาที่บ่งบอกว่านักลงทุนไม่ได้แค่ตอบสนองต่อสถานการณ์ แต่กำลังเริ่มวางแผนและวางโพสิชันสำหรับรอบใหม่ 

ใช่ครับ การดีดกลับครั้งนี้แรงจริง ข่าวก็ดีจริง แต่ตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวในเส้นตรงเสมอไป 

ยังมีสัญญาณเตือนที่ควรระวังไว้บ้าง: 

  • ฤดูกาลประกาศงบใกล้เข้ามา: Q2 จะเปิดเผยให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ รับมือกับเงินเฟ้อและการเติบโตอย่างไร 
  • เงินเฟ้ายังไม่หายไป: แม้การคลายความตึงเครียดทางการค้าจะช่วยได้บ้าง แต่ราคายังสูงและฝืดในหลายหมวด เช่น ที่อยู่อาศัยและบริการ 
  • เศรษฐกิจจีนยังเปราะบาง: ดีลนี้อาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นในระยะสั้น แต่การฟื้นตัวของจีนหลังโควิดยังไม่แน่นอนและไม่สม่ำเสมอ 

ดังนั้น จงมีสติ ขาขึ้นไม่ได้แปลว่าควรลงทุนแบบไม่คิด 

ในอดีต ความคืบหน้าในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มักจุดกระแสขาขึ้นในตลาดอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น ดีลเฟสแรกในปี 2019 ที่เปิดฉากรอบขาขึ้นต่อเนื่องหลายเดือน หรือการที่จีนเข้าร่วม WTO ในปี 2001 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของบูมครั้งใหญ่ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก 

หากข้อตกลงล่าสุดนี้นำไปสู่ความร่วมมือระยะยาว ก็เป็นไปได้ว่าเรากำลังจะได้เห็นรอบขาขึ้นใหม่ที่กินเวลาหลายเดือนอีกครั้ง 

และเทรดเดอร์ที่มองเห็นสัญญาณนี้ได้ก่อน? พวกเขาจะได้ “ขี่คลื่น V-shape” ตั้งแต่ต้นจนสุดทาง 

นี่ไม่ใช่แค่การเด้งกลับของตลาด แต่มันคือการเปลี่ยนโมเมนตัม 

ตลาดชื่นชอบความชัดเจน และดีลการค้านี้ก็นำสิ่งนั้นมาให้ เมื่อรวมกับบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น สัญญาณทางเทคนิคที่แข็งแรงขึ้น และแรงซื้อจากหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ฝั่งกระทิงก็มีโอกาสอย่างแท้จริง 

และจังหวะนี้ก็มาถูกเวลาที่สุด 

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะถือหุ้นระยะยาว เก็งกำไรระยะสั้น หรือแค่รอการยืนยันเชิงมหภาค ข้อความที่ชัดเจนคือ: ดีลนี้มีความสำคัญ 

ตั้งใจโฟกัส เตรียมตัวให้พร้อม 

เพราะการขึ้นรอบถัดไป อาจเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น 

เริ่มต้นเส้นทางการเทรดของคุณวันนี้ เพียงคลิกที่นี่ 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-05-29 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทรัมป์กำลังทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตกต่ำโดยตั้งใจหรือไม่? 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจทางการเงินระดับโลก อาจกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่มูลค่าของมันถูกลดทอนอย่างมีกลยุทธ์จากภายใน  และคนที่อยู่ศูนย์กลางของเรื่องนี้ก็คือ? โดนัลด์ ทรัมป์  ในขณะที่ทรัมป์เดินหน้าวางแผนสำหรับอีกสี่ปีข้างหน้า มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าเขาอาจกำลังกดดันธนาคารกลางสหรัฐให้ลดค่าเงินดอลลาร์อย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่ในเชิงเศรษฐกิจ แต่เป็นอาวุธทางการเมืองด้วย  ดังนั้น ทรัมป์กำลังทำให้ดอลลาร์สหรัฐร่วงโดยตั้งใจจริงหรือไม่? มาดูหลักฐานกัน  ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ช่วยแก้ปัญหาหลายอย่างให้ทรัมป์ได้  การลดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลงประมาณ 25–30% ภายในสองสามปีข้างหน้า อาจฟังดูรุนแรง แต่ก็อาจเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการโดยตรง  เหตุผลมีดังนี้:  พูดง่ายๆ คือ การทำให้ดอลลาร์อ่อนลงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจในคราวเดียวกัน  ตลาดเริ่มสะท้อนสิ่งนี้แล้วหรือยัง?  พฤติกรรมของตลาดในปี 2025 สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างน่าสนใจ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับราคาต่ำสุดที่ผ่านมา:  สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่สะท้อนถึงการกำหนดมูลค่าทรัพย์สินใหม่ภายใต้ยุคใหม่ของ “การลดค่าเงิน”  และยุคนั้นกำลังถูกขับเคลื่อนอย่างเงียบๆ โดยประเทศเศรษฐกิจมหาอำนาจทั่วโลก  วัฏจักรหลายปีของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ  กราฟนี้แสดงให้เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีรูปแบบวัฏจักรซ้ำทุกๆ 10 ปี โดยแต่ละรอบมักจบลงด้วยการกลับตัวอย่างรุนแรง และในวันนี้ DXY กำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของการอ่อนค่าครั้งใหญ่รอบใหม่  ผลที่ตามมา? มีโอกาสที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าต่อไป โดยเฉพาะหากนโยบายกดค่าเงินของทรัมป์เริ่มเป็นรูปธรรม และธนาคารกลางสหรัฐฯ ถูกกดดันทางการเมืองให้ลดดอกเบี้ย  ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเดินหน้าเต็มสูบ  ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้นที่กำลังลดค่าเงินของตนเอง ยูโรโซน จีน และญี่ปุ่น ต่างก็ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน […]

article-thumbnail

2025-05-23 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

กรณีที่ Bitcoin จะพุ่งแตะ $150K: ทำไม M2 จึงสำคัญในตอนนี้ 

Bitcoin เคยผ่านจุดนี้มาก่อน ทั้งผู้สงสัย การดิ่งลงของราคา และการพุ่งแรงแบบไม่คาดคิดที่ทำให้เสียงวิจารณ์เงียบหายไป แต่ครั้งนี้มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปเบื้องหลังการเคลื่อนไหวครั้งนี้ มันเป็นบางสิ่งที่ใหญ่กว่า ไม่ใช่แค่กระแสหรือการพูดถึง Halving แต่มันคือ “ปริมาณเงินทั่วโลก” และมันอาจกำลังบอกเราว่า Bitcoin กำลังจะไปทางไหนต่อ  สภาพคล่องทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้น และตามสถิติในอดีต เมื่อปริมาณเงินพุ่งขึ้น Bitcoin มักไม่ใช่แค่ขยับตาม แต่พุ่งแรง  ในบทความนี้ เราจะสำรวจว่า M2 กลายเป็นชาร์ตที่สำคัญที่สุดในโลกคริปโตได้อย่างไร ทำไมในอดีต M2 ถึงเคลื่อนไหว “นำ” Bitcoin ล่วงหน้าได้ถึง 12 สัปดาห์? และทำไมช่วงเวลานี้อาจเป็นการเปิดทางให้ BTC พุ่งแตะ $150,000   มาเจาะลึกกันว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และทำไมนักเทรดและนักลงทุนถึงควรจับตาสถานการณ์ในตอนนี้  M2 คืออะไร และทำไมถึงเป็นตัวชี้นำ Bitcoin  M2 คือมาตรวัดปริมาณเงินที่รวมถึงเงินสด เงินฝากกระแสรายวัน และสินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย พูดง่ายๆ คือ เมื่อ M2 เพิ่มขึ้น สภาพคล่องในระบบก็จะเพิ่มขึ้นตาม  ในอดีต Bitcoin มักเคลื่อนไหวตามทิศทางของสภาพคล่องนี้ […]

article-thumbnail

2025-05-15 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

กระทิงกลับมาแล้ว: ตลาดหุ้นพุ่งแรงจากดีลการค้าสหรัฐ-จีน 

บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพิ่งเกิดขึ้น และวอลล์สตรีทกำลังส่งเสียงเฮ  ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้น หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าแบบไม่คาดคิด ข้อตกลงนี้ช่วยยกเลิกภาษีนำเข้า บรรเทาความตึงเครียด และผลักดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับตัวขึ้นแรง ดัชนี S&P 500 กระโดดเกือบ 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน Nasdaq พุ่งยิ่งกว่า ตลาดในเอเชียพุ่งขึ้น และดัชนียุโรปก็ขยับตาม  นี่คือการดีดกลับที่ทำให้ฝั่งหมีต้องกลับมาทบทวนมุมมองทั้งหมดใหม่  แล้วอะไรอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้? นี่คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวแบบ V-shape ที่หลายคนเฝ้ารอใช่หรือไม่? หรือเป็นแค่ความผันผวนชั่วคราวในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่ง?  ดีลการค้าสหรัฐ-จีน จุดประกายการฟื้นตัวรูปแบบ V-Shape  การฟื้นตัวแบบ V-shape ถือเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ของตลาดในช่วงขาลง เพราะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชัดเจน และรุนแรง: ร่วง แล้วพุ่ง ลองนึกถึงช่วงโควิด-19 ในปี 2020 หรือผลกระทบจาก Brexit หรือแม้แต่ปี 1987 ที่ความกลัวพุ่งถึงจุดสูงสุด ก่อนที่ตลาดจะดีดกลับอย่างรุนแรง  แล้วคลื่นการฟื้นตัวรอบนี้ล่ะ? กำลังเริ่มสะท้อนรูปแบบเดิมที่คุ้นเคย  ในประวัติศาสตร์ ดัชนี S&P 500 เคยสร้างการฟื้นตัวรูปแบบ V-shape ได้อย่างน่าทึ่ง ในช่วงวิกฤตโควิดปี […]