แม้หุ้นจะร่วง ทำไม “หุ้น Palantir” ถึงพุ่งแรงในปี 2025? 

2025-04-25 | Palantir (PLTR) , Palantir Technologies , บทความวิเคราะห์ตลาดรายสัปดาห์ , หุ้น Palantir

ในปี 2025 ตลาดหุ้นดูคล้ายสนามรบ หุ้นเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโตหลายตัวร่วงหนัก นักลงทุนต่างรีบเช็กคำสั่ง stop-loss กันรัวๆ แต่ท่ามกลางความปั่นป่วนนี้? “หุ้น Palantir” ไม่เพียงแค่ยืนระยะได้…แต่มันกำลังพุ่งขึ้น 

ในขณะที่ตลาดโดยรวมเข้าสู่โหมดปรับฐาน หุ้นของ Palantir Technologies (PLTR) กลับกลายเป็นดาวรุ่งประจำปี ราคาพุ่ง เขียวทั้งกระดาน พาดหัวข่าวเป็นบวก และวอลล์สตรีทก็พูดถึงไม่ขาดสาย 

แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ Palantir โดดเด่นสวนกระแสในปีที่หลายบริษัทกลับตกต่ำ? 

หัวใจหลักของธุรกิจ Palantir คือความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับหน่วยงานรัฐบาล และในปี 2025 ความสัมพันธ์นี้ไม่เพียงคงอยู่ แต่ยิ่งแน่นแฟ้นกว่าเดิม 

ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านกลาโหมทั่วโลก หลายประเทศเริ่มเทงบลงทุนกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลสนามรบ ข่าวกรองด้วย AI และระบบเฝ้าระวังขั้นสูง ซึ่งเป็นจุดแข็งของ Palantir 

  • แค่ในไตรมาสแรกของปี บริษัทก็ประกาศคว้าสัญญาใหม่หลายฉบับ มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ กับกระทรวงกลาโหมในยุโรปและเอเชีย 
  • ขณะเดียวกัน ความร่วมมือระยะยาวกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ก็ถูกต่อสัญญาด้วยดีลมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ 

ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีฝั่งผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายที่ลดลงและงบโฆษณาที่ถูกตัด Palantir กลับมีลูกค้าภาครัฐที่ยิ่งอัดงบเพิ่ม และมันก็สะท้อนชัดในงบการเงินของบริษัท 

ใช่, NVIDIA อาจเป็นหน้าตาของกระแส AI แต่ Palantir คือกระดูกสันหลังของมัน 

แพลตฟอร์ม Foundry และ AIP ของ Palantir เริ่มถูกใช้งานจริงในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสุขภาพ โลจิสติกส์ และการผลิต นี่ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นการใช้งานจริงที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจให้กับองค์กร 

ในปี 2024 Palantir หันมาโฟกัสกับ AI สำหรับองค์กรอย่างจริงจัง และในตอนนี้: 

  • แพลตฟอร์ม Artificial Intelligence Platform (AIP) ที่หลายคนจับตามอง กำลังถูกใช้โดยหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เวชภัณฑ์ไปจนถึงพลังงาน 

นักลงทุนเริ่มตระหนักแล้วว่า Palantir ไม่ใช่หุ้นกระแสอีกต่อไป แต่คือบริษัทที่กำลัง “ทำจริง เห็นผลจริง”  

นี่คือประโยคที่ไม่ได้ยินบ่อยในโลกของหุ้นเทคโนโลยีสายเติบโต: Palantir มีกำไร และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง 

หลังจากเคยถูกมองว่าเป็นบริษัทที่เผาเงินไม่หยุด Palantir พลิกเกมสำเร็จในปี 2023 และในปี 2025 ก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงินที่แท้จริง 

  • มีกำไรตามหลักการบัญชี GAAP ต่อเนื่อง 7 ไตรมาสติดกัน 
  • อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 75% 
  • กระแสเงินสดอิสระแข็งแรง และไม่มีหนี้สิน 

ทั้งหมดนี้ทำให้ Palantir กลายเป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่รายที่ยืนได้อย่างมั่นคง ในสภาพตลาดที่เงินสดคือสิ่งสำคัญ นักลงทุนรายใหญ่ก็กำลังหันมาให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน เฮดจ์ฟันด์ หรือกองทุนระยะยาว ที่อยากลงทุนใน AI แบบลดความเสี่ยงจากหุ้นสายสตาร์ทอัพ 

ลองดูกราฟแบบภาพรวม จะเห็นได้ชัดว่าทำไมนักเทรดถึงแห่กันเข้ามาซื้อ Palantir หลังจากที่ราคานิ่ง ๆ อยู่ในกรอบแคบมาตลอดปี 2023 ถึงต้นปี 2024 ตอนนี้หุ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ 45 ดอลลาร์ไปแล้ว และยังคงเดินหน้าต่อแบบไม่มีท่าทีจะถอย 

ล่าสุด Palantir เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวรับที่ 60 ดอลลาร์ และแนวต้านที่ 100 ดอลลาร์ ฝั่งกระทิงกำลังรอให้ราคาทะลุ 100 ดอลลาร์อย่างชัดเจน เพื่อดันไปสู่จุดสูงสุดใหม่ 

นักเทรดรายย่อยชอบเนื้อเรื่องของหุ้นตัวนี้ สถาบันชอบตัวเลขพื้นฐาน ส่วนสายเทรดโมเมนตัมชอบรูปแบบกราฟที่ชัดเจน 

ในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีหลายตัวกำลังดิ่งลง Palantir กลับวิ่งทำจุดสูงใหม่และจุดต่ำใหม่ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นเทรนด์ขาขึ้นที่ textbook มาก และกำลังดึงดูดเม็ดเงินจากทุกกลุ่มนักลงทุน 

งดูแปลก แต่สิ่งที่ถ่วงตลาดส่วนใหญ่ไว้ อย่างสงคราม ความผันผวน และแนวโน้มลดโลกาภิวัตน์ กลับกลายเป็นแรงส่งให้กับ Palantir 

  • งบกลาโหมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก กำลังผลักดันความต้องการเทคโนโลยีด้านการทหาร 
  • กระแสการปกป้องข้อมูลภายในประเทศ ทำให้หลายชาติเริ่มมองหาโซลูชัน AI แบบ localized ซึ่งเป็นสิ่งที่ Palantir เชี่ยวชาญ 
  • ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทต่าง ๆ หันมามองหาเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบอัตโนมัติ และการคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งล้วนเป็นจุดแข็งของ Palantir 

พูดง่าย ๆ คือ ในขณะที่บริษัทอื่นกำลังฝ่าพายุเศรษฐกิจ Palantir กลับเติบโต 

นี่แหละคือคำถามที่หลายคนอยากรู้ ด้วยราคาหุ้นที่ขึ้นมากกว่า 20% ตั้งแต่ต้นปี หลายคนเริ่มลังเลว่ายังเข้าทันไหม 

คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณ 

ถ้าหวังเก็งกำไรระยะสั้น ก็ต้องยอมรับความผันผวน เพราะ Palantir เป็นหุ้นที่เหวี่ยงแรงอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเชื่อในอนาคตระยะยาวของโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI การเติบโตของภาครัฐ และการใช้งานในองค์กรต่าง ๆ จุดนี้อาจยังถือว่าเป็นช่วงต้นของการเติบโตก็ได้ 

ล่าสุด นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทเริ่มปรับเป้าราคาขึ้น บางรายมองไว้สูงถึง 160 ดอลลาร์ หากแนวโน้มการเติบโตยังเดินหน้าต่อแบบนี้ 

ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ราคาขึ้นได้แบบไม่มีสะดุด และ Palantir เองก็มีจุดที่ต้องระวัง 

อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ของหุ้นนี้ค่อนข้างสูง อยู่ที่กว่า 70 เท่า ซึ่งแปลว่าตลาดกำลังคาดหวัง “ผลงานไร้ที่ติ” ถ้าพลาดเป้า หรือพลาดสัญญาสำคัญ อาจเกิดแรงขายทันที 

คู่แข่งอย่าง Snowflake และ Databricks ก็กำลังจ้องชิงตลาดองค์กรแบบเดียวกัน ส่วนดีลภาครัฐที่ดูน่าสนใจ ก็ใช่ว่าจะได้ต่อเนื่องเสมอ หากมีการตัดงบหรือเลื่อนแผน ก็อาจกระทบราคาหุ้นได้ 

นักลงทุนและเทรดเดอร์ควรจับตารายงานผลประกอบการวันที่ 5 พฤษภาคมให้ดี เพราะสิ่งที่บริษัทพูดถึง “แนวโน้มอนาคต” อาจส่งผลต่อราคาหุ้นมากกว่าตัวเลขในงบจริงเสียอีก 

การพุ่งแรงของ Palantir ในปี 2025 ไม่ใช่แค่เรื่องโชคดีในช่วงตลาดที่อ่อนแอ แต่เป็นผลจากการวางกลยุทธ์อย่างชาญฉลาด การใช้งานจริงที่เห็นผลและการดำเนินงานที่เริ่มจับต้องได้ 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หุ้นตัวนี้เป็นสนามรบระหว่างฝั่งที่เชื่อในวิสัยทัศน์กับฝั่งที่มองว่าแค่กระแส แต่วันนี้ตัวเลขกำลังยืนยันเรื่องราวความสำเร็จ 

ในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีหลายตัวยังพยายามหาจุดต่ำสุด Palantir กลับเดินหน้าทำจุดสูงใหม่อย่างมั่นคง 

สรุปง่ายๆ คือ ไม่ใช่ทุกหุ้นจะร่วง และ Palantir อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ฉลาดที่สุด สำหรับคนที่อยากลงทุนในเศรษฐกิจยุค AI 

อ่านบทความวิเคราะห์ตลาดเชิงลึกเพิ่มเติม


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-07-03 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทองคำ vs บิตคอยน์: อะไรจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในปี 2025? 

เมื่อพูดถึงการป้องกันความผันผวนของตลาด มีสินทรัพย์อยู่สองประเภทที่โดดเด่น: ทองคำและบิตคอยน์ หนึ่งในนั้นได้รับความไว้วางใจมานานนับพันปี ส่วนอีกตัวแม้จะอายุน้อยแต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโลกการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างน่าทึ่ง  และในตอนนี้ ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เริ่มคลี่คลายลง และตลาดต่างจับตาการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของพาวเวลล์ สินทรัพย์ทั้งสองนี้ก็กลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในการดึงดูดเงินลงทุน  แล้วอะไรจะกลายเป็น “หลุมหลบภัยทางการเงิน” สำหรับที่เหลือของปี 2025? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน  ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญในตอนนี้  การเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง รวมถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของทรัมป์ในการลดความตึงเครียดระดับโลก ได้ช่วยสลายความเสี่ยงระยะสั้นครั้งใหญ่ ราคาน้ำมันก็เริ่มเย็นลง ขณะที่ความคาดหวังเรื่องเงินเฟ้อก็เริ่มลดลงเช่นกัน นั่นหมายความว่า ความสนใจของตลาดจะหันไปจับตาธนาคารกลางสหรัฐว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อใด  นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทองคำและบิตคอยน์จะได้พิสูจน์ว่าใครคือผู้นำตัวจริงในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ทั้งสองต่างมีแนวโน้มไปได้ดีเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ทั้งสองได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง และทั้งสองยังดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนที่วิตกกังวลและต้องการปกป้องอำนาจการซื้อ  แต่ในวันนี้ ใครคือผู้ที่ยืนเหนือกว่า?  ทองคำ vs บิตคอยน์: เปรียบเทียบแบบชัดๆ ในปี 2025  ก่อนจะลงลึกว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดของทั้งสองฝั่ง มาดูภาพรวมกันก่อนว่า ทองคำและบิตคอยน์แตกต่างกันอย่างไรในปัจจัยพื้นฐานที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้  ตอนนี้คุณก็เห็นภาพรวมแล้ว ต่อไปมาดูกันว่าทำไมทองคำอาจยังเปล่งประกายได้อีกในปีนี้ และอะไรอาจเป็นแรงผลักดันให้บิตคอยน์พุ่งแรงยิ่งขึ้น  ทองคำ: เป้าหมายถัดไปอาจอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์จริงหรือ?  มาเริ่มกันที่ทองคำ ล่าสุดราคาทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ใกล้ 3,500 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย  อะไรคือปัจจัยหนุน? เป็นผลจากหลายปัจจัยที่ประจวบเหมาะ ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง การเข้าซื้อของธนาคารกลาง และความกังวลเรื่องเสถียรภาพหนี้ในระยะยาว […]

article-thumbnail

2025-06-27 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

การเจรจาสันติภาพจะพาดัชนีหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งหรือไม่? 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทั่วโลกต่างเตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย น้ำมันพุ่งแรง ทองคำทะยาน พาดหัวข่าวเต็มไปด้วยความตึงเครียดว่าอาจเกิดสงคราม แต่ในแบบฉบับของตลาดการเงิน ทุกอย่างกลับพลิกอย่างรวดเร็ว  ตอนนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล (ซึ่งเราคาดการณ์ไว้ในบทความสัปดาห์ก่อน) บรรยากาศในตลาดเริ่มเปลี่ยน ความกังวลต่อความเสี่ยงสงครามเริ่มคลี่คลาย ราคาน้ำมันเริ่มย่อตัว สินทรัพย์ปลอดภัยเริ่มเย็นลง ขณะที่ตลาดหุ้นเริ่มกลับมาฟื้นตัว  คำถามสำคัญในตอนนี้คือ: การเจรจาสันติภาพครั้งนี้ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งหรือไม่?  มาหาคำตอบกัน  จากความกลัวสงครามสู่ความหวังลดดอกเบี้ย  ตลาดไม่ชอบความไม่แน่นอน พาดหัวข่าวสงครามคือความไม่แน่นอนขั้นสุด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้นถึงแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อการเจรจาสันติภาพเริ่มมีแรงส่ง เส้นทางใหม่ก็กำลังเปิดขึ้น  ตอนนี้จุดโฟกัสไม่ใช่คำถามว่า “สงครามจะปะทุหรือไม่?” อีกต่อไป แต่มันกำลังเปลี่ยนเป็น “เฟดจะลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่?”  นั่นคือกุญแจสำคัญ เพราะยิ่งเฟดลดดอกเบี้ยเร็วเท่าไหร่ ตลาดหุ้นก็ยิ่งมีโอกาสไปได้แรงเท่านั้น  ทำไมข้อตกลงสันติภาพอาจเป็นตัวจุดชนวนที่สมบูรณ์แบบให้หุ้นพุ่ง  ข้อตกลงหยุดยิงที่น่าเชื่อถือสามารถดึงแรงกดดันมหาศาลออกจากระบบได้:  พูดง่ายๆ คือ ข้อตกลงสันติภาพอาจปูทางให้เกิดการรีบาวด์ในตลาดหุ้นวงกว้าง S&P 500 กำลังเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบล่าสุด ขณะที่ Nasdaq ยังคงแข็งแกร่ง เมื่อความเสี่ยงจากสงครามลดลง บรรดานักลงทุนฝั่งกระทิงอาจเข้าควบคุมเกมได้  ทรัมป์ vs พาวเวลล์: ตัวเร่งตลาดคนถัดไป?  ทรัมป์ไม่เคยปิดบังว่าเขาต้องการดอกเบี้ยต่ำ เขาเคยโจมตีพาวเวลล์ในที่สาธารณะว่าเดินเกมช้าเกินไป  ในอีกด้าน พาวเวลล์กำลังเดินบนเส้นด้าย การสิ้นสุดสงครามทำให้เขาขยับไปสู่การลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ภาษีนำเข้าชุดใหม่ของทรัมป์และแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังค้างอยู่ […]

article-thumbnail

2025-06-20 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

สงครามอิหร่าน-อิสราเอล: ราคาน้ำมันจะพุ่งถึง $100 และทองจะทะยานแตะ $4,000 หรือไม่? 

ตะวันออกกลางกลับมาเป็นจุดศูนย์กลางของความตึงเครียดในตลาดโลกอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ใช่แค่การซ้อมรบ ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างอิหร่านและอิสราเอลได้ปะทุเป็นสงครามเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายเป็นแหล่งน้ำมัน โรงกลั่น และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ  ผลกระทบคืออะไร? ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ $100 และราคาทองคำทะยานสู่ระดับใหม่ใกล้ $4,000  แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เป้าหมายราคาซื้อขาย เพราะผลกระทบแผ่กระจายไปถึงค่าเงิน อัตราเงินเฟ้อ คาดการณ์ดอกเบี้ย และพฤติกรรมนักลงทุน  และนี่คือภาพรวมของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมสิ่งที่นักเทรดและนักลงทุนควรจับตามองต่อไป  สงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิหร่าน–อิสราเอล   สิ่งที่ทำให้ความขัดแย้งครั้งนี้แตกต่างคือขนาดและความตรงไปตรงมา ทั้งสองชาติพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของกันและกันโดยตรง ตั้งแต่โรงกลั่นของอิหร่านไปจนถึงคลังเก็บน้ำมันของอิสราเอล  เรากำลังหลุดจากโลกของสงครามตัวแทนหรือการก่อวินาศกรรมลับ นี่คือสงครามเปิดที่มีห่วงโซ่อุปทานโลกตกเป็นเป้าหมาย  และนั่นพาเรามาถึงจุดยุทธศาสตร์อย่างช่องแคบฮอร์มุซ  ประมาณ 20% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลกต้องผ่านเส้นทางเดินเรือสำคัญนี้ การหยุดชะงักใดๆ อาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสามหลักได้ภายในข้ามคืน และในอดีต แค่มีการขู่ปิดช่องแคบก็เพียงพอจะจุดชนวนให้ราคาน้ำมันพุ่งกระฉูดแล้ว  หากอิหร่านตัดสินใจปิดช่องทาง หรือการขนส่งกลายเป็นความเสี่ยงเกินไป ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่ระดับ $110–120 จะไม่ใช่การคาดการณ์ที่เกินจริงอีกต่อไป แต่นี่คือ “กรณีฐาน” ที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริง  น้ำมันจะพุ่งทะลุ $100 หรือไม่?  ราคาน้ำมันเริ่มตอบสนองต่อความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น ฟิวเจอร์สน้ำมัน WTI และ Brent ต่างพุ่งขึ้นจากการคาดการณ์ว่าการหยุดชะงักของอุปทานอาจทำให้ตลาดที่เปราะบางอยู่แล้วตึงตัวขึ้นไปอีก บวกกับการเก็งกำไรและต้นทุนประกันเรือบรรทุกที่เพิ่มขึ้น ทำให้เห็นภาพชัดว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะแหวกแนวต้านสำคัญได้อย่างรวดเร็ว  ในเชิงเทคนิค ราคาน้ำมันกำลังทดสอบเส้นแนวโน้มขาลงหลักที่ทำหน้าที่เป็นแนวต้านมาตั้งแต่ปี 2566 […]